วันอังคาร, 26 พฤศจิกายน 2567

ม.ทักษิณเปิดตัว บริษัททีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด นิติบุคคลร่วมลงทุนของมหาวิทยาลัย (Holding company) แห่งแรกในภาคใต้ มุ่งสร้างระบบนิเวศในการขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ 

29 ม.ค. 2024
411

มหาวิทยาลัยทักษิณ เปิดตัวบริษัท ทีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด สร้างระบบนิเวศนวัตกรรมและทักษะความเป็นผู้ประกอบการให้กับอาจารย์ นิสิต บุคลากร รวมทั้งศิษย์เก่าให้มีโอกาสได้สร้างธุรกิจฐานนวัตกรรมเกิดใหม่ โดยนำความรู้จากมหาวิทยาลัยและผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อช่วยเกษตรกรและชุมชน หรือเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม รองศาสตราจารย์ ดร.สมัคร แก้วสุกแสง รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยทักษิณ กล่าวว่า บริษัท ทีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เกิดขึ้นภายใต้นโยบายการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University) กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม ในปี 2566 ซึ่งมหาวิทยาลัยทักษิณได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 5.3 ล้านบาท จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ผ่านสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศของสถาบันอุดมศึกษาและการผลิตกำลังคนขั้นสูงด้าน ววน. เพื่อขับเคลื่อนการพลิกโฉมสถาบันอุดมศึกษาตามกลุ่มยุทธศาสตร์ภายใต้โปรแกรม 25 (P25) แผนงานย่อยพัฒนาระบบและกลไกสร้างความเข้มแข็งของระบบนิเวศ ววน. ภายใต้ชื่อโครงการ “การเพิ่มสมรรถนะและระบบนิเวศสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ มหาวิทยาลัยทักษิณ สู่การใช้ประโยชน์และขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรม”

รองศาสตราจารย์ ดร.สมัคร แก้วสุกแสง ได้อธิบายถึงการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อร่วมลงทุน (holding company) ว่า มหาวิทยาลัยทักษิณมุ่งพัฒนาสมรรถนะและระบบนิเวศสนับสนุนทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของมหาวิทยาลัยภายใต้ฐานธุรกิจฐานนวัตกรรม ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวง อว. ที่ทางมหาวิทยาลัยทักษิณพยายามผลักดันรวมทั้งเป็นนโยบายของรองศาสตราจารย์ ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณ ในการนำองค์ความรู้  เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ให้มากขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้จำเป็นต้องมีระบบและกลไกในการขับเคลื่อนและสนับสนุน โดยเฉพาะ Holding Company ของมหาวิทยาลัยทักษิณ หรือนิติบุคคลร่วมลงทุนกับมหาวิทยาลัย ซึ่งเมื่ออยู่ภายใต้โครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย จึงมีการขยับในการจัดตั้ง TSU Holding Company ของมหาวิทยาลัยทักษิณ ใช้เวลา 1 ปี 2 เดือน เริ่มกระบวนการด้วยการปรึกษาหารือกับหน่วยงาน สอวช. เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการดำเนินงาน และทีมคณะกรรมการบริหารนิติบุคคลเพื่อร่วมลงทุน มหาวิทยาลัยทักษิณ ทั้งในส่วนของการวางระบบและกลไกสนับสนุน   แนวทางการจัดตั้งบริษัท มีระเบียบและกลไกรองรับ ในที่สุดสภามหาวิทยาลัยทักษิณได้อนุมัติระเบียบการจัดตั้ง TSU Holding Company ของมหาวิทยาลัยทักษิณ จึงได้ถือกำเนิด TSU Holding Company และจดทะเบียนจัดตั้ง ทีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด บริษัทนิติบุคคลเพื่อร่วมลงทุน เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566  ถือเป็นนิติบุคคลร่วมลงทุนของมหาวิทยาลัยแห่งแรกของภาคใต้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์ ในขณะเดียวกันจะดำเนินการขับเคลื่อนเชิงพาณิชย์ไปพร้อมๆ กัน  ซึ่งจะทำให้มองเห็นภาพของการขยับระบบนิเวศใหม่ สภาพการดำเนินงานรูปแบบใหม่ ๆ โดยมุ่งเน้นการสร้างระบบ Ecosystem สนับสนุนผู้ประกอบการและมุ่งเสริมสมรรถนะของนิสิตและนักวิจัยให้เป็นผู้ประกอบการ

รองศาสตราจารย์ ดร.สมัคร แก้วสุกแสง กล่าวเพิ่มเติมว่าปัจจุบันมหาวิทยาลัยทักษิณ มีทรัพย์สินทางปัญญาที่มีการจด IP มากกว่า 300 เรื่อง มีนักวิจัย คณาจารย์ ที่มีอนุสิทธิบัตร สิทธิบัตร สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ และลิขสิทธิ์ต่าง ๆ ถือว่าเป็นทรัพย์สินทางปัญญาที่ยังไม่มีการนำไปใช้ประโยชน์อย่างจริงจัง ส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะของต้นแบบซึ่งสามารถนำไปใช้ประโยชน์หรือสร้างมูลค่าเพิ่มไปสู่คุณค่า มูลค่าในเชิงพาณิชย์เกิดเป็นรายได้ให้กับบริษัทของมหาวิทยาลัย จึงจะเห็นเป็นภาพ New Ecosystem ชัดเจนมากขึ้น

สำหรับแนวทางการดำเนินงานและการขับเคลื่อนเครือข่ายความร่วมมือธุรกิจนวัตกรรม Holding Company เป็นนิติบุคคลที่ร่วมลงทุน มหาวิทยาลัยจำเป็นต้องมีการสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือในส่วนของเอกชนที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ร่วมมือกันนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ให้เกิดขึ้นผ่านเครือข่ายความร่วมมือทั้งในส่วนของหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยทักษิณ  ได้แก่ สถาบันวิจัยและนวัตกรรม ที่ทำหน้าที่ดูแลทรัพย์สินทางปัญญาของมหาวิทยาลัย  อุทยานวิทยาศาสตร์และนวัตกรรมสังคม ทำหน้าที่เชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือผู้ประกอบการ และการหารือกับนักวิจัยที่มีผลงานวิจัยโดดเด่น ทำให้เห็นถึงระดับการใช้เทคโนโลยีที่จะนำไปสู่การขยับในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้ได้หารือกับหน่วยงานคณะและส่วนงานต่าง ๆ ที่สนใจเข้าร่วมขับเคลื่อนในภาพของ ทีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด โดยร่วมกันดำเนินงาน  ซึ่งคาดว่ามหาวิทยาลัยทักษิณจะเริ่มก่อตั้งบริษัทลูกภายใต้หน่วยงานคณะ และส่วนงานต่าง ๆ ภายใต้ฐานนวัตกรรมที่แต่ละคณะร่วมมือกันสร้างสรรค์ขึ้นมา จะเป็นลักษณะการทำงานของเครือข่ายโดยการขับเคลื่อนเครือข่ายแต่ละเครือข่ายไปพร้อม ๆ กัน ร่วมด้วยช่วยกัน  นอกจากนี้ได้มีการวางแผนในการบ่มเพาะ Startup  ที่มาจากนิสิตหรือนักวิจัยของมหาวิทยาลัยทักษิณ ทีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด อาจจะไปร่วมลงทุนกับ Startup เหล่านี้ ในอนาคต  โดยกระบวนการสร้างให้ Startup เห็นภาพของการบ่มเพาะตัวเอง และเห็นภาพรวมของการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบโจทย์ต่อการพัฒนาในเชิงพาณิชย์มากขึ้น นับว่าเป็นแผนการดำเนินงานในช่วงแรกของ บริษัท ทีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด

นอกจากนี้ได้กำหนดเป้าหมายการดำเนินงานในอนาคตโดยเฉพาะ ในปีแรกจะมีการเข้าระบบของการเป็น Hub ในลักษณะศูนย์กลางนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยทักษิณ TSU Innovation Hub เพื่อทำการบ่มเพาะ Startup โดยเริ่มจากการบ่มเพาะนักวิจัย และคัดเลือก IP ที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะเห็นภาพของการขยับในเรื่องของการจัดตั้งบริษัทลูก ของ ทีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด  ที่จะร่วมลงทุนกับหน่วยงานระดับคณะและส่วนงานต่าง ๆ  โดยการตั้งเป้าหมายว่า ทีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด จะสร้างผู้ประกอบการในฐานธุรกิจนวัตกรรมประมาณ 50-100 ราย ในช่วงปีแรก หลังจากนั้นจะเริ่มขยับไปในเรื่องของการเปิดบริษัทลูกภายใต้ ทีเอสยู เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ประมาณ 1-2 บริษัท ที่มีความเฉพาะ และโดดเด่น ในเรื่องนวัตกรรมที่พุ่งเป้าไปสู่เชิงพาณิชย์อย่างจริงจัง นอกจากนี้ผลผลิตที่สำคัญน่าจะเป็นฐานของการร่วมลงทุน ตามนโยบายของมหาวิทยาลัยที่ประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งคงจะเห็นภาพของการพัฒนากำลังคน การพัฒนานิสิต นักศึกษา นักวิจัย ให้เป็นผู้ประกอบการนวัตกรรม ได้เห็นการสร้างระบบ Ecosystem ใหม่ ๆ  เห็นเครือข่ายความร่วมมือในลักษณะขององค์รวม ผู้ร่วมหุ้น ใหม่ ๆ และเห็นถึงกระบวนการของผู้ใช้งานใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาเป็นส่วนเสริมการขับเคลื่อนการดำเนินงานรวมถึงการเปลี่ยนแปลงของภาคธุรกิจโดยเฉพาะในเรื่องของรายได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นลักษณะของเป้าหมายที่จะเป็นกลไกผลักดันระบบนิเวศในฐานธุรกิจนวัตกรรมให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้นในอนาคต