
วันนี้(22 สิงหาคม 2568) ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ร่วมปาฐกถาพิเศษ “ทิศทางการพัฒนาตามนโยบายของรัฐบาลกับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานีสู่ความยั่งยืน”

การจัดประชุมโครงการการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ สำหรับแผนแม่บทพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่ปรึกษาโครงการ จัดประชุมรับฟังความคิดเห็น ครั้งที่ 8 เวทีที่ 45 (ปัจฉิมนิเทศ) โครงการการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ สำหรับแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี โดยมี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สศช. เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วย ดร.วิชญายุทธ บุญชิต รองเลขาธิการ สศช. นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ผศ.ดร.พงค์เทพ สุธีรวุฒิ. รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พร้อมผู้แทนส่วนราชการ ท้องถิ่น เอกชน ผู้มีส่วนได้เสียกว่า 800 คนเข้าร่วมงาน
.
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวปาฐกถากับผู้ร่วมงานเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อ 12 กันยายน 2567 มี 10 นโยบายเร่งด่วน อาทิ การปรับโครงสร’างหนี้ การสร้างเสริม SMEs การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านดิจิทัลวอลเล็ต การยกระดับเกษตรสมัยใหม่ การส่งเสริมการท่องเที่ยว การแก้ปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม รวมถึงการจัดสวัสดิการสังคม ต่อมา เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 รองนายกรัฐมนตรีและ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได’ประกาศ “8 Quick Wins: 3 ไร้ทุกข์ 5 สร้างสุข” ได้แก่ การกวาดล้างยาเสพติด ปราบปรามผู้มีอิทธิพล แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน สร้างเมืองคึกคักด้วย Soft Power พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ปรับปรุงบริการภาครัฐ และระบบรับเรื่องร้องทุกข์ให้เข้าถึงง่ายขึ้น นโยบายทั้งหมดมีเป้าหมายร่วมคือ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ทั้งด้านความปลอดภัย เศรษฐกิจฐานราก สุขภาพ การศึกษา และบริการภาครัฐ
.
สำหรับจังหวัดสงขลาและปัตตานี ล้วนมีศักยภาพโดดเด่น สงขลามีทำเลเชิงยุทธศาสตร์ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคใต้ ส่วนปัตตานีมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เกษตร และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เป้าหมายของสงขลาคือ “เมืองน่าอยู่ ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ เชื่อมโยงอาเซียน พัฒนาอย่างยั่งยืน” ส่วนปัตตานีคือ “เกษตรกรรมยั่งยืน ฮาลาลคุณภาพ สังคมพหุวัฒนธรรม นำสู่สันติสุข” ทั้งสองจังหวัดมุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ควบคู่สิ่งแวดล้อมและสังคมการพัฒนาพื้นที่อย่างยั่งยืน ต้องอาศัยความร่วมมือและการบูรณาการทั้งแนวตั้งคือ เชื่อมโยงส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่น เอกชน และประชาชน ส่วนแนวนอน ระหว่างหน่วยงานในจังหวัด เพื่อให้การทำงาน
สอดประสานกัน อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลจริง
.
“ส่วนของผมในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กำกับดูแล 2 กรมหลัก คือกรมที่ดิน ซึ่งผมมีนโยบายชัดเจนว่าที่ดินที่เป็นของประชาชนต้องเร่งออกเอกสารสิทธิ์ให้เร็วที่สุด ที่ดินที่เป็นของหลวงต้องเรียกคืนเป็นของหลวงทุกตารางนิ้ว ส่วนที่ดินที่มีข้อพิพาทก็ต้องหาข้อยุติให้ได้โดยเร็วที่สุด และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผมให้ความสำคัญกับการกระจายอำนาจเพราะเชื่อมั่นว่านักการเมืองท้องถิ่นย่อมเข้าใจปัญหาและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในท้องถิ่นดีที่สุด ต้องมีการเพิ่มอำนาจ งบประมาณ เพื่อให้สามารถทำงานตอบสนองต่อพื้นที่ได้มากที่สุด รวมทั้งผลักดันเรื่องการทวงคืนเอกราชทางสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญ และพยายามผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ”
.
โครงการนี้ เป็นการดำเนินการตามติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2564 ที่มอบหมายให้ สศช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันจัดให้มีการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) ควบคู่กับการจัดทำแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 สศช. ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ในการดำเนินโครงการอย่างรอบคอบ ซึ่งถึงถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำกระบวนการ SEA มาประยุกต์ใช้ควบคู่ไปกับการวางแผนพัฒนาเชิงพื้นที่ และให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียในทุกกลุ่มอย่างแท้จริง โดยได้มีการจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งในรูปแบบทางการและไม่เป็นทางการ มากกว่า 70 เวที มีผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม 4,000 คน ครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งภาคประชาชนและชุมชน ภาคประชาสังคม หน่วยงานภาคเอกชนและผู้ประกอบการ หน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ การปกครองท้องที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา สื่อผู้นำศาสนาและผู้นำทางจิตวิญญาณ และภาครัฐส่วนกลางในพื้นที่จังหวัดสงขลาและปัตตานี รวมถึงประชนทั่วไปในพื้นที่ที่มีความสนใจ
.
การประชุมปัจฉิมนิเทศโครงการฯ ในวันนี้ เป็นการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อร่างรายงานการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์และร่างแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี รวมถึงเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของโครงการ โดยมี ผศ.ดร. นิเวศน์ อรุณเบิกฟ้า ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และพันธกิจสังคม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
.
โดยที่ประชุมมีการนำเสนอภาพรวมร่างรายงาน SEA และร่างแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัดตานี โดย ผศ.ดร.พงศ์เทพ สุธีรวุฒิ และนำเสนอร่างรายงาน SEA โดย ดร.สินาด ตรีวรรณไชย ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนาระบบบริหาร ม.อ. และนำเสนอร่างแผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ฯ โดย ผศ.ดร.นิทัศน์ เพราแก้ว ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริการวิชาการและพันธกิจเพื่อสังคม ม.อ. จากนั้นเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกัน
.
ผลการศึกษาที่สำคัญ พบว่า แผนแม่บทการพัฒนาเชิงพื้นที่ของจังหวัดสงขลาและปัตตานี มีเป้าหมาย ในการพัฒนาทั้ง 2 จังหวัดไปสู่การเป็น “ศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางวัฒนธรรม” ที่ให้ความสำคัญใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
(1) การพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดสงขลาและปัตตานีสู่การเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้
(2) การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และการสร้างสังคมเป็นธรรมและมีสันติสุข
(3) การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของพื้นที่ เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
.
โดยมุ่งเน้นการพัฒนาฐานทรัพยากรอย่างยั่งยืนควบคู่กับการพัฒนาภาคเศรษฐกิจหลักที่เป็นฐานรายได้สำคัญ อย่างการท่องเที่ยว การศึกษา สุขภาพ การเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร รวมถึงศักยภาพพลังงานทดแทน และการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การมีส่วนร่วมและการแก้ปัญหาสังคมในพื้นที่หลังการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับการจัดทำการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ฯ แล้ว สศช. จะนำแผนแม่บทดังกล่าว รายงานสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนแผนแม่บทดังกล่าวสู่การปฏิบัติจริงต่อไป




