วันพุธ, 25 มิถุนายน 2568

นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเพื่อระดมความคิดร่วมกับภาคีเครือข่าย เรื่อง “การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน

25 มิ.ย. 2025
56

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2568 นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเพื่อระดมความคิดร่วมกับภาคีเครือข่าย เรื่อง “การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน : วิถีแห่งแม่ ค่านิยมของสังคมและวัฒนธรรมชาติที่เข้มแข็งสู่ความยั่งยืนยกระดับสู่นโยบายแห่งชาติ” โดยมี นายแพทย์ปกรณ์ ตุงคะเสรีรักษ์ รองอธิบดีกรมอนามัย แพทย์หญิงศิริพร กัญชนะ ประธานมูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย แพทย์หญิงสมสิริ สกลสัตยาท ประธานจัดการประชุม วิทยากร ผู้แทนภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน และผู้เข้าร่วมการประชุม ร่วมในพิธีเปิด ณ ห้องเมจิก 1 ชั้น 1 โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ คอนเวนชั่น

รมช.เดชอิศม์ กล่าวเปิด “กระทรวงสาธารณสุขได้เล็งเห็นถึงความสำคัญ ในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นระบบที่ชัดเจน ตั้งแต่ระดับนโยบายสู่การปฏิบัติจริงในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ดังนี้
➡️ 1. จัดทำแผนนโยบายแห่งชาติ ด้านการส่งเสริมการเลี้ยงลูก ด้วยนมแม่ ที่มีเป้าหมายชัดเจน มีตัวชี้วัด และมีความต่อเนื่อง ในระยะยาว
➡️ 2. ผลักดันให้สถานพยาบาลทุกแห่ง เป็นมิตรกับทารกและมารดา และมีสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยอายุต่ำกว่า 3 ปี ตามแนวทาง WHO และ UNICEF
➡️ 3. ส่งเสริมการสร้างมุมนมแม่ ในสถานที่ทำงาน และที่สาธารณะ เพื่อให้แม่สามารถให้นมได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
➡️ 4. จัดอบรม และพัฒนาศักยภาพบุคลากรสาธารณสุข ในการให้คำปรึกษา และสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อย่างมีประสิทธิภาพ
➡️ 5. รณรงค์สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในสังคม ว่าการเลี้ยงลูก ด้วยนมแม่ คือ สิ่งธรรมชาติ เป็นระบบอาหารแรกของมนุษย์ ที่ต้องได้รับการยอมรับ และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
.
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตประชากร อัตราการเกิดที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เด็กเกิดใหม่น้อยลงทุกปี ในขณะที่ประชากรสูงวัยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลเพียงแค่ด้านสังคมเท่านั้น แต่ยังส่งผลระยะยาวต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และอนาคต ของประเทศ เมื่อเด็กเกิดน้อย เราต้องมั่นใจว่า เด็กที่เกิดมา จะต้องเป็นเด็กที่มีคุณภาพสูงที่สุด การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่ใช่เพียง เรื่องส่วนบุคคลหรือครอบครัว แต่คือนโยบายระดับชาติ ที่มีผลต่อความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว การให้นมแม่เป็นพื้นฐานของการลงทุนมนุษย์ตั้งแต่ช่วงแรก ของชีวิต เป็นนโยบายที่ต้นทุนต่ำ แต่ได้ผลลัพธ์สูงที่สุด การให้นมแม่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการเจ็บป่วยและการตาย ในเด็กเล็ก ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังในเด็กโตและในวัยผู้ใหญ่ ช่วยเพิ่มระดับสติปัญญาของเด็ก และยังส่งผลดีต่อสุขภาพจิตของแม่และลูกอีกด้วย
.
เราต้องประกาศให้ชัดเจนว่า การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คือวาระแห่งชาติ สนับสนุนให้ผู้หญิงไทยทุกคน มีโอกาสให้นมบุตร ได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่ในระบบแรงงานภาคชนบทหรือในชุมชนเมือง เพราะการให้นมแม่ไม่ใช่ภาระของแม่เพียงคนเดียวแต่เป็นภาระของสังคม ที่ต้องช่วยกันสร้างเงื่อนไขที่เหมาะสม หากเราหวังจะมีประชากรที่น้อยลง แต่คุณภาพสูงขึ้น
.
การสร้างจุดเริ่มต้นของชีวิตที่แข็งแรงผ่านการให้นมแม่ คือจุดตั้งต้นที่ชาญฉลาดและจำเป็นอย่างยิ่งผมขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนในการสร้างสังคมและวัฒนธรรม การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้เกิดขึ้นจริงในครอบครัว ชุมชน ที่ทำงานและสังคมไทยโดยรวม เราจะร่วมกันสร้างประเทศไทยให้เป็นสังคมนมแม่อย่างเป็นระบบ เพื่ออนาคตของลูกหลานคนไทย”